ข้าพเจ้า เด็กชายสายันต์ ทัดเทียม เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2524 เป็นบุตรคนที่ 2 ของคุณแม่บัวคำ ทัดเทียม คุณพ่อประเสริฐ ทัดเทียม ผมเป็นชาวอุบลราชธานี
ผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่อบอุ่น ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กเพื่อความอยู่รอด บิดาเสียชีวิตตั้งแต่ผมอายุได้ประมาณ 5 ขวบ อยู่กับมารดาและยายและพี่น้องอีก 5 คนรวมลูกป้า ชีวิตวัยเด็ก ถือว่าลำบาก ครอบครัวรับจ้างเลี้ยงไก่ต้องตื่นแต่เช้าให้อาหารไก่ กว่าจะเสร็จก็สาย รีบอาบน้ำ แต่งตัว ไปโรงเรียนแทบไม่ทัน เย็นเลิกเรียนก็ต้องรีบกลับมาทำงานบ้านและช่วยแม่ให้อาหารไก่ ทำแบบนี้เป็นประจำจนเรียนจบชั้นประถมศึกษา
เมื่อเรียนจบแม่บอกว่าไม่ต้องเรียนต่อเพราะแม่ไม่มีเงินส่งเรียน ปล่อยให้พี่ชายเรียนคนเดียวก็พอ เพราะพี่ชายเรียนเก่งกว่า แต่ด้วยครูใหญ่โรงเรียนประถมเห็นว่า ผมมีความตั้งใจ จึงได้มาคุยกับแม่และพาผมไปสมัครเรียนชั้นมัธยม จึงได้มีโอกาสได้เรียนต่อ
ด้วยความที่ครอบครัวไม่มีเงินส่งเรียน ผมจึงจำเป็นต้องประหยัดอดออม ทำทุกอย่างเพื่อหารายได้ เนื่องจากการเดินทางไปโรงเรียนไกลจากบ้าน 4 กม.ผมต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียนเป็นประจำ ระหว่างทางเป็นป่า ในยามหน้าฝนก็เก็บของป่าไปขายเพื่อเป็นค่าอาหารกลางวัน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปทำงานรับจ้าง ได้วันละ 25 บาท สมัยนั้นดีใจมาก ผมต่อสู้กับความยากลำบากมาหลายปี จนเรียนจบมัธยมศึกษาตอนต้นและเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง เพราะมีผู้ใจบุญมอบทุนการศึกษาให้
ผมได้รับทุนจาก มูลนิธิมายา โคตมี ในปี พ.ศ. 2540 ตอนเข้าเรียน ม.4 โดยมีเงื่อนไขแค่ต้องเข้ารับการอบรมคุณธรรมจริยธรรมปีละ 1 ครั้ง ซึ่งบอกเลยว่าตอนแรกที่ได้รับทุนก็ดีใจมากและเสียใจมาก คือผมจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ จะมีอนาคตที่ดี ส่วนเสียใจคือตอนนั้นยังไม่เคยเข้าวัด คิดเพียงว่ามันคงทรมาน ต้องไปอยู่ป่า(กลัวผี) เมื่อเดือนมีนาคม 2540 เป็นครั้งแรกที่เข้ารับการอบรมคุณธรรมจริยธรรม ที่วัดหนองป่าพง ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยในชีวิตที่เกิดมา เพราะต้องนอนในกลด ในป่า ตื่นตีสามครึ่ง นอนสี่ทุ่ม และมีข้อห้ามมากมาย รู้สึกทรมานมากและปวดขามาก เพราะมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด เช่น ห้ามคุยกัน ถ้าไม่มีธุระ ห้ามนั่งเหยียดขา ห้ามยืนรับประทาน ฯลฯ เป็นอะไรที่ทรมานมากๆแต่ผมก็ทำได้ ทำแบบนี้ทุกปี ผมมีโอกาสได้เข้าปฏิบัติธรรมที่วัดหนองป่าพงเพียงแค่ 3 ปี หลังจากนั้นก็เข้าอบรมที่วัดป่าสุนันทวนารามเรื่อยมา
ชีวิตวัยเรียนอุดมศึกษา ซึ่งเป็นช่วงที่พาชีวิตเปลี่ยนผันมากที่สุด จะดีจะเลวก็ตอนนี้ เพราะชีวิตเป็นอิสระ ไม่มีใครมาบังคับให้เราต้องทำโน่นทำนี้ เหมือนสมัยที่เป็นเด็ก พักที่บ้านที่มีแม่คอยดูแลเอาใจใส่ แต่เมื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา จะต้องมาพักที่ หอพัก ทำให้เราเป็นอิสระเหมือนกับนกที่กำลังหัดบิน บอกเลยว่าชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เพราะถ้าไม่รู้จักบังคับตัวเองทำตามใจเราจะเสียคนได้ง่าย ผมนับว่าโชคดีที่มีโอกาสได้ทุนมูลนิธิมายา โคตมี เพราะเราได้อบรมคุณธรรมจริยธรรม ได้นำหลักธรรมจากพระอาจารย์นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลักพุทธธรรมบางข้อที่เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในการครองตนอย่างสมบูรณ์
จนกระทั่งทำให้ผมได้เรียนจบมหาวิทยาลัยตามความตั้งใจ
ชีวิตการทำงานเมื่อจบการศึกษาได้เข้าทำงานที่ บริษัทนิชดาธานี ในตำแหน่ง นายช่างคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2547 ถึง 30 มิถุนายน 2547 ลาออกเพราะกลับมาสอบทำงานที่บ้านได้ที่ โรงพยาบาลวารินชำราบ ในตำแหน่ง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2547 จนถึงปัจจุบัน
ผลงานเด่น
- เป็นบุคคลต้นแบบของหน่วยงานด้านคุณธรรมจริยธรรมปี 2555 และ 2556
- เป็นบุคคลต้นแบบของหน่วยงานด้วยการช่วยเหลือสังคมปี 2554
- เป็นพี่เลี้ยงเด็กนักเรียนทุนมูลนิธิมายา โคตมี ที่ครั้งที่มีการจัดอบรมคุณธรรมจริยธรรม
- ได้รับรางวัล คนดีศรีสาธารณสุขระดับจังหวัด ปี 2557
- ได้รับรางวัล คนดีศรีสาธารณสุขระดับเขตบริการที่ 11 ปี 2557
- เข้ารับประทานโล่รางวัลคนดีศรีสาธารณสุข จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2557 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเว่นชั่น กรุงเทพมหานคร