ถาม : ไม่กล้าชวนเพื่อนหรือคนรู้จัก มาฟังธรรมหรือมาปฏิบัติ จะแก้ไขอย่างไรคะ หรือว่าถ้าชวนแล้ว บางทีก็จะได้คำตอบ "ฉันอ่านตำราก็ได้" "ฉันอยู่บ้านก็ได้" อย่างงี้โยมรู้สึกจัดการกับใจตัวเองไม่ได้ ก็เลยไม่ชวนใครเลย จะแก้ปัญหายังไงดีคะ
ตอบ : ก่อนจะชวนใครเราก็ตั้งสติดีๆ เวลาเขาตอบกลับมาเราก็ต้องรู้จักทำความรู้สึก ทำใจให้ได้ แม้จะยากก็ต้องประพฤติปฏิบัติ พระพุทธเจ้าเหมือนกัน องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจอพราหมณ์ ตอนเสด็จไปสู่เมืองแคว้นต่างๆ ขนาดไปพูดกับพราหมณ์ พราหมณ์ก็ไม่เชื่อ แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ หกคะเมนใส่ก็ยังมี ท่านก็ทำใจ ตรงนี้ ไม่ใช่แต่เราอย่างเดียว
ให้คิดว่าเป็นช่วงของเขาเวลาหนึ่ง แต่เวลาใดเขาเข้าใจในธรรมแล้ว พอเห็นทุกข์จริงๆ แล้วเขาถึงจะแสวงหาทางออกที่ดี เพราะว่าความเห็นของเขาต่างจากความเห็นของเรา ความเห็นมันต่างกัน เพราะว่าเขาไม่ได้ยินได้ฟังเอง แต่คนใดได้ยินได้ฟังแล้วก็ชวนง่าย ก็ได้รับผลประโยชน์ เดี๋ยวนี้เขายังไม่ได้มีผลประโยน์อะไรในการนั้น เราก็ต้องทำใจสาเหตุอยู่ที่เราเอง เราก็เงียบแก้ที่เรา ไม่ใช่แก้เขา คือเราอยากให้คนอื่นดี เราก็ผิด
ถาม : หมายความว่าเราชวน ชวนได้ แต่ถ้าเขาไม่มาเราก็วางอุเบกขาไปเลย หรือคะ
ตอบ : ใช่ ก็ทำตามหน้าที่ของเราจนนาทีสุดท้ายแล้ว ถึงจะเป็นบรมครูที่ยอดเยี่ยม ที่ดีเหมือนกับพระศาสดานี่ เป็นบรมครูที่ดีมาก ชวนใคร ใครจะรับฟังไม่รับฟังก็แล้วแต่ แต่ท่านทำหน้าที่ของท่าน ทำไปแล้วท่านก็ปลงวาง ไม่ทุกข์กับบุคคลนั้น เราก็เป็นครูที่ใช้ได้น่ะ ไม่ทุกข์กับเขา ก็คิดว่าเป็นภาวะของเขาช่วงหนึ่ งแต่บางช่วงนี่ไม่ต้องหาคนชวน เขาก็ไปของเขาเอง หรือบางสิ่งบางอย่างเราก็คิดว่าเขาไม่เคยทำบุญกับเรา
ก็คือสิ่งไหนที่มัน ถ้าพูดภาษาสมัยใหม่ก็ว่า จูนคลื่นเข้าหากันไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนกับเครื่องสื่อสารนี่ เอ้อ เหมือนโทรศัพท์นี่ ถ้ากดผิดรหัสก็ไปคนอื่นน่ะ นี่ก็เหมือนกันว่า คือความคิดหรือพฤติกรรมไม่เหมือนกัน คนชอบไม่เหมือนกัน แต่ขณะใดถ้าเขาเห็นทุกข์จริงๆ เขาจะชอบ ถึงว่าไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรมเนี่ย ถ้าคนเห็นทุกข์แล้วเห็นธรรม อีกภาษาหนึ่งว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาไง เข้าใจไหม มันเป็นอย่างงี้ ทุกอย่าง สาเหตุที่พุทธบริษัททั้งหลาย เขาเห็นทุกข์ก่อนนะเขาถึงแสวงหาธรรม
พระครูวิจารย์ศุภวัตร (บัณฑิต เตชปญฺโญ)
วัดแม่ใจใต้ เชียงใหม่
สัมภาษณ์ เมื่อ วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557
ณ อาคารปฏิบัติธรรมมูลนิธิมายา โคตมี