ถาม : หากความทุกข์เกิดจากความรักและความผูกพัน จะมีวิธีฝึกหรือปฏิบัติอย่างไรไม่ให้ยึดติดกับความรักและความผูกพันนั้น
ตอบ : ผูกพันมากรักมากก็ทุกข์มาก รักน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่รักก็ไม่ทุกข์ หลวงพ่อชาท่านเคยเทศน์ให้โยมฟังถึงเรื่องครอบครัว คือถ้าเอาอะไรมา ก็ต้องปิดมันไว้ครอบไว้ ถ้าคนสองคนมาอยู่ด้วยกันนี่ก็ต้องครอบกายวาจาใจ สุดท้ายท่านบอกว่า ถ้ารักมากก็ทุกข์มาก รักน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่รักไม่ชังนี่จะอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต ท่านบอกว่าเหมือนไม้สองท่อนนายช่างเขาบาก แล้วเอามาต่อกันเจาะรูใส่สลักขัดไว้ แรกๆก็ดูไม่เห็นรอยต่อเหมือนกับไม้ท่อนเดียว แต่พอเป็นเดือนเป็นปีไม้มันค่อยแห้งไปเสื่อมไป ผลสุดท้ายมันก็ค้อกๆ แค้กๆ เหมือนกับความรัก แรกๆก็แนบแน่นสนิทเหมือนนายช่างต่อไม้ใหม่ๆ อะไรก็รักๆ แล้วต่อมาก็ค้อกๆ แค้กๆ ถ้าไม่รักมันถึงไม่ทุกข์ แต่เราอยู่ในโลกนี้ มันเกิดขึ้นแล้ว อย่าไปคิดว่าจะตัดอะไร แต่ให้มีสติรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็พยายามที่จะไม่ยึดอยู่กับมัน เหมือนบ้านนี่อาคารนี่เราสร้างแล้ว ไหนๆสร้างขึ้นแล้วแต่ต่อไปมันจะเสื่อม ฉะนั้น
เวลามันยังพอใช้ได้อยู่ท่านก็บอกว่าให้รักษา เวลามันเสียไปก็ให้ได้สติ รู้เรื่องชีวิตว่ามันทุกข์เพราะอุปาทาน อุปาทานักขันโธ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแแห่งความยึดมั่น เราก็มากำหนดสภาวะว่าสิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าว่าไม่ควรยึดถือ เมื่อมันแตกเราก็รู้ว่ามันเป็นสังขาร มันต้องเกิด ต้องแตก ต้องดับ ถ้ารู้อย่างนี้ก็สบายใจ เห็นเรื่องความไม่เที่ยงแท้แน่นอน เราจะละได้ ทุกอย่างในโลกนี้เดี๋ยวก็นิ่งเดี๋ยวก็หวั่นไหวอยู่ตลอด เห็นสภาวะแล้วก็หมด ไม่มีอะไร จิตก็เป็นจิต แยกกันได้ อารมณ์เวทนาอะไรต่างๆที่เราคิดว่ามันกวนเรา มันไม่ใช่ เป็นเราไปกวนมัน รู้ว่าทุกข์แล้วจะเอาอะไร คนฉลาดก็หลีก ปฏิบัติไม่ยาก แต่ยากที่ความคิด ทุกข์กับความคิดความยึดถือ ฉะนั้นเราต้องปฏิบัติให้มีสติอยู่ตลอดแล้วให้รู้ตามเป็นจริง ศึกษาปฏิบัติให้รู้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายความพลัดพรากเป็นทุกข์ เมื่อรู้ธรรมะ รู้เหตุและผล เราจะรู้จะวางเอง นี่แหละดับทุกข์ได้
พระครูนิมิตวิริยานุกูล (สุบิน อุตฺตโม)
วัดป่าบ้านหนองแวง ศรีสะเกษ
สาขาวัดหนองป่าพงที่ 12
ตอบตามธรรม เล่ม 1