ถาม : คำว่า ฌาน กับ ญาณ แตกต่างกันอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ปฏิบัติได้ฌานหรือญาณ
ตอบ : ญาณก็คือความรู้ ส่วนฌานแปลว่าสิ่งที่เป็นฐาน เป็นที่ตั้ง หมายถึงว่าทำอะไรก็ควรมีฐานที่ดี เหมือนอาคารหลังนี้ต้องตอกเสาเข็มเพื่อวางรากฐานให้ดี ปฏิบัติไปคือรองรับญาณ รองรับความรู้ ก็คือรู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้หลักในการดำเนินชีวิต
ญาณหนึ่งคือการรู้สิ่งหยาบๆก่อน แต่สุดท้ายก็ตกอยู่ในอริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เท่านั้นเอง ที่ว่าถึงขั้นนี้ขั้นนั้นคือหมายถึงสภาวะจิต เรียกว่าจิตมั่นคงขึ้นไปเรื่อยๆในทางที่จะพ้นทุกข์ หลวงพ่อชาท่านพูดง่ายๆว่า เราเริ่มต้นอนุบาลก็ไปนอนกินนมให้คุ้นเคยกับสถานที่ ให้ลูกมันสลัดออกจากพ่อแม่ บางทีมันร้องไห้ ครูก็เลี้ยงก็ปลอบใจ พอประถมหนึ่งก็เขียนตัวพยัญชนะเพราะยังพื้นฐาน ค่อยๆรู้ ผ่านไปๆ พอรู้ก็ไม่กลับมาเรียนซ้ำแล้ว ญาณก็เช่นเดียวกัน คือญาณนี้เดินไปเห็นในสิ่งที่จะหมดทุกข์ พอเรียนจบคือบรรลุธรรม จิตเราถ้าปฏิบัติไป มันก็จะผ่าน คือผ่านจากสิ่งที่ขวางอยู่ในจิต ผ่านไปแล้วคือไม่กลับกำเริบ ปล่อยวางได้ หมดกิเลสได้ ในใจรู้เองเท่านั้น หลวงพ่อชาเปรียบว่าเหมือนทานอาหาร ถามว่าจะอิ่มเมื่อไร ไม่มีใครตอบ ถ้าเวลาท่านใดอิ่ม ดื่มน้ำแล้วลุกขึ้นนั่นแหละคือจบ การปฏิบัติก็เช่นเดียวกัน จิตจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ
พระครูนิมิตวิริยานุกูล (สุบิน อุตฺตโม)
วัดป่าบ้านหนองแวง ศรีสะเกษ
สาขาวัดหนองป่าพงที่ 12
ตอบตามธรรม เล่ม 1