กิมพิลสูตรว่าด้วยเหตุปัจจัยทำให้ศาสนาเสื่อม
[๒๐๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันใกล้เมืองกิมิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
- เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในศาสดา
- เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม
- เป็นผู้ไม่มีความเคารพไม่มีความยำเกรงในสงฆ์
- เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิกขา
- เป็นผู้ไม่มีความเคารพ
- ไม่มีความยำเกรงกันและกัน
ดูก่อนกิมพิละนี้ แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
กิม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
พ. ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ -เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในศาสดา
- เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในธรรม
- เป็นผู้มีความเคารพมาความยำเกรงในสงฆ์
- เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสิกขา
- เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงกันและกัน
ดูก่อนกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
จบกิมพิลสูตร
#องฺคุต.ปญฺจก.๓๖/๒๐๑/๔๔๗
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)