ปฏาจารา

 03-Mar31-65-BDS-03

 

ปฏาจารา
 
พระศาสดาทรงสดับคำของนาง   จึงตรัส   "อย่าคิดเลยปฏาจารา, เธอมาสู่สำนักของผู้สามารถจะเป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของเธอได้แล้ว;   เหมือนอย่างว่า  บัดนี้  บุตรคนหนึ่งของเธอถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป, คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป,  สามีตายแล้วที่ทางเปลี่ยว, มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับ ฉันใด;  น้ำตาที่ไหลออกของเธอผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้  ในเวลาที่ปิยชนมีบุตรเป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง  ๔  ก็ฉันนั้นเหมือนกัน" ดังนี้แล้ว  ตรัสพระคาถานี้ว่า:-
                             
"น้ำในสมุทรทั้ง  ๔  มีประมาณน้อย, น้ำตาของคนผู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว  เศร้าโศก มิใช่น้อยมากกว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น;   เหตุไร  เธอจึงประมาทอยู่เล่า ?  แม่น้อง."  
 
เมื่อพระศาสดาตรัสอนมตัคคปริยายสูตรอยู่อย่างนั้น,  ความโศกในสรีระของนาง  ได้ถึงความเบาบางแล้ว ลำดับนั้น   พระศาสดาทรงทราบที่นางผู้มีความโศกเบาบางแล้วทรงเตือนอีก  แล้วตรัสว่า  " ปฏาจารา  ขึ้นชื่อว่าปิยชนมีบุตรเป็นต้น   ไม่อาจเพื่อเป็นที่ต้านทาน    เป็นที่พึ่ง    หรือเป็นที่ป้องกันของผู้ไปสู่ปรโลกได้; เพราะฉะนั้น  บุตรเป็นต้นเหล่านั้นถึงมีอยู่   ก็ชื่อว่าย่อมไม่มีทีเดียว,  ส่วนบัณฑิตชำระศีลแล้ว  ควรชำระทางที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตนเท่านั้น" 
 
เมื่อจะทรงแสดงธรรม   ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
"บุตรทั้งหลาย  ไม่มีเพื่อต้านทาน,  บิดาก็ไม่มี ถึงพวกพ้องก็ไม่มี, เมื่อบุคคลถูกความตาย ครอบงำแล้ว  ความต้านทานในญาติทั้งหลาย     ย่อมไม่มี;
บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีล พึงชำระทางไปพระนิพพานโดยเร็วทีเดียว."
ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราเผากิเลสมีประมาณเท่าฝุ่นในแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล, ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย   มีโสดาปัตติผลเป็นต้น  ดังนี้แล.
 
นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า  " ปฏาจารา "   เพราะนางกลับความประพฤติได้. วันหนึ่ง  นางกำลังเอาหม้อตักน้ำล้างเท้า    เทน้ำลง.น้ำนั้นไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ขาด.   ครั้งที่ ๒  น้ำที่นางเทลง   ได้ไหลไปไกลกว่านั้น.   ครั้งที่  ๓ น้ำที่เทลง  ได้ไหลไปไกลแม้กว่านั้น ด้วยประการฉะนี้.  นางถือเอาน้ำนั้นนั่นแลเป็นอารมณ์  กำหนดวัยทั้ง  ๓  แล้ว  คิดว่า
"สัตว์เหล่านี้   ตายเสียในปฐมวัยก็มี   เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งแรก,   ตายเสียในมัชฌิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๒ ไหลไปไกลกว่านั้น, ตายเสียในปัจฉิมวัยก็มี  เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๓ ไหลไปไกลแม้กว่านั้น."
      
พระศาสดาประทับในพระคันธกุฎี     ทรงแผ่พระรัศมีไป    เป็นดังประทับยืนตรัสอยู่เฉพาะหน้าของนาง  ตรัสว่า   "ปฏาจารา      ข้อนั้นอย่างนั้น,   ด้วยว่าความเป็นอยู่วันเดียวก็ดี   ขณะเดียวก็ดี   ของผู้เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น  ประเสริฐกว่า   ความเป็นอยู่  ๑๐๐  ปี  ของผู้ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์"
 
ดังนี้แล้ว  เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม  จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
โย  จ  วสฺสสตํ    ชีเว                 อปสฺสํ  อุทยพฺพยํ       
เอกาหํ   ชีวิตํ  เสยฺโย                ปสฺสโต  อุทยพฺฑยํ.
"ก็ผู้ใด  ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมอยู่พึงเป็นอยู่   ๑๐๐  ปี,  ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้เห็นความเกิดและความเสื่อม  ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ของผู้นั้น."
 
จบธรรมเทศนานางปฏาจาราบรรลุอรหันต์
 
 ความโดยย่อ ขุททก.คาถา.๔๑/๔๙๕/๑๘
 
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร 
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)
 

เกี่ยวกับเรา

Maya-Logo3

มูลนิธิมายา โคตมี เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อสนับสนุนเยาวชนในด้านการศึกษาและสร้างเสริมจริยธรรม และเพื่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา

Contact Us/ติดต่อเรา

มูลนิธิมายา โคตมี

3 ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7
แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ   10250

โทร. 02-368-3991, 06-1662-9077

E-mail: [email protected]

facebook : MayaGotami Foundation

www.mayagotami.net

line id : @mayagotami

 

แผนที่มูลนิธิ