คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนบริโภคกาม จึงรู้ได้ยากว่าภิกษุรูปใดเป็นพระอรหันต์

 06-Jun26-64-BDS04

 

คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนบริโภคกาม จึงรู้ได้ยากว่าภิกษุรูปใดเป็นพระอรหันต์ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงแนะนำให้ถวายสังฆทาน


************


ทารุกัมมิกสูตร ว่าด้วยคหบดีชื่อทารุกัมมิกะ
[๕๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ คิญชกาวสถาราม ครั้งนั้น คหบดีชื่อว่าทารุกัมมิกะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่งณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า

 

"คหบดี ทานประจำตระกูลท่านยังให้อยู่หรือ"

 

คหบดีกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานประจำตระกูลข้าพระองค์ยังให้อยู่ ทั้งทานนั้นข้าพระองค์ให้ในภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ หรือผู้บรรลุอรหัตตมรรค ผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร"

 

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า "คหบดี ท่านผู้เป็นคฤหัสถ์ เป็นกามโภคี อยู่ครองเรือน นอนเบียดเสียดบุตร ใช้สอยผงแก่นจันทน์จากแคว้นกาสี ทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้ ยินดีทองและเงินอยู่ พึงรู้ข้อนี้ได้ยากว่า 'เหล่านี้คือพระอรหันต์ เหล่านี้คือท่านผู้บรรลุอรหัตตมรรค'

 

คหบดี
๑. ถ้าภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว โลเล ปากกล้าพูดพร่ำเพรื่อ หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตกวัดแกว่ง ไม่สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียน ด้วยเหตุนั้น ถ้าภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่โลเล ไม่ปากกล้า ไม่พูดพร่ำเพรื่อ มีสติมั่นคง มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น มีจิตแน่วแน่ สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

๒. ถ้าภิกษุผู้อยู่ใกล้บ้าน เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้น พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น ถ้าภิกษุผู้อยู่ใกล้บ้าน เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

๓. ถ้าภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น ถ้าภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

๔. ถ้าภิกษุผู้รับนิมนต์ เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น ถ้าภิกษุรับนิมนต์ เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

๕. ถ้าภิกษุผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น ถ้าภิกษุผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

๖. ถ้าภิกษุผู้ทรงคหบดีจีวร เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว โลเล ปากกล้า พูดพร่ำเพรื่อ หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตกวัดแกว่ง ไม่สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียน ด้วยเหตุนั้น ถ้าแม้ภิกษุผู้ทรงคหบดีจีวร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัวไม่โลเล ไม่ปากกล้า ไม่พูดพร่ำเพรื่อ มีสติมั่นคง มีสัมปชัญญะมีจิตตั้งมั่น มีจิตแน่วแน่ สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับการสรรเสริญด้วยเหตุนั้น

 

คหบดี เชิญท่านถวายสังฆทานเถิด เมื่อท่านถวายสังฆทานอยู่ จิตจักเลื่อมใส หลังจากตายแล้วท่านจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"


คหบดีกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักถวายสังฆทานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"


........


ทารุกัมมิกสูตร อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒


http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=22&siri=310

 

ศึกษาเพิ่มเติมในอรรถกถาทารุกัมมิกสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=330


*****************


สรุปความจากทารุกัมมิกสูตร ได้ว่า คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนบริโภคกาม จึงรู้ได้ยากว่าใครเป็นพระอรหันต์ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงแนะนำให้ถวายสังฆทาน

 

พระผู้มีพระภาคตรัสถามทารุกัมมิกคหบดีว่า ท่านยังให้ทานประจำตระกูลอยู่หรือไม่ เมื่อคหบดีกราบทูลว่า ยังให้อยู่ และให้แก่ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ หรือผู้บรรลุอรหัตตมรรค ผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร

 

พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ท่านเป็นคฤหัสถ์อยู่ครองเรือน เพียบพร้อมด้วยกามคุณ จึงรู้ได้ยากว่า ใครเป็นพระอรหันต์หรือเป็นผู้บรรลุอรหัตตมรรค จึงทรงแสดงภิกษุ ๖ จำพวก คือ
(๑) ผู้อยู่ป่าเป็นวัตร
(๒) ผู้อยู่ใกล้บ้าน
(๓) ผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
(๔) ผู้รับนิมนต์
(๕) ผู้ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
(๖) ผู้ทรงคหบดีจีวร

 

ซึ่งแต่ละจำพวกถ้ามีธรรมฝ่ายชั่ว คือ เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว โลเล ปากกล้า พูดพร่ำเพรื่อ หลงลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตกวัดแกว่ง ไม่สำรวมอินทรีย์ ก็จะถูกติเตียน

 

ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีธรรมฝ่ายดี คือ เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่โลเล ไม่ปากกล้า ไม่พูดพร่ำเพรื่อ มีสติมั่นคง มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น มีจิตแน่วแน่ สำรวมอินทรีย์ ก็จะได้รับการสรรเสริญ

 

พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้คหบดีถวายสังฆทาน ดังข้อความว่า "คหบดี เชิญท่านถวายสังฆทานเถิด เมื่อท่านถวายสังฆทานอยู่ จิตจักเลื่อมใส หลังจากตายแล้วท่านจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"

ธรรมะจากพระโอษฐ์


(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)

 

เกี่ยวกับเรา

Maya-Logo3

มูลนิธิมายา โคตมี เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อสนับสนุนเยาวชนในด้านการศึกษาและสร้างเสริมจริยธรรม และเพื่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา

Contact Us/ติดต่อเรา

มูลนิธิมายา โคตมี

3 ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7
แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ   10250

โทร. 02-368-3991, 06-1662-9077

E-mail: [email protected]

facebook : MayaGotami Foundation

www.mayagotami.net

line id : @mayagotami

 

แผนที่มูลนิธิ