ไม่ควรประมาท แนวทางเข้าใจธรรม ๕ ประการ

 08-Aug30-64-BDS-32

 

ไม่ควรประมาท แนวทางเข้าใจธรรม ๕ ประการ
 
ดุจดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี  ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพแสดงธรรมแก่ภิกษุในธรรมวินัยนี้    ภิกษุนั้นย่อมเข้าใจอรรถเข้าใจธรรมในธรรมนั้นตามที่พระศาสดา  หรือเพื่อนสพรหมจารี   ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพ  แสดงธรรมแก่ภิกษุ,   เมื่อภิกษุนั้น   เข้าใจอรรถ  เข้าใจธรรม  ก็ย่อมเกิดความปราโมทย์,  เมื่อเกิดความปราโมทย์แล้ว    ปีติก็ย่อมเกิด,    เมื่อใจสหรคตด้วยปีติ   กายย่อมสงบ,   ผู้มีกายสงบก็ย่อมเสวยสุข,   เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น,    นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่  ๑.
 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  อีกประการหนึ่ง  พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง    ย่อมไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุเลย   แต่ว่า  ภิกษุย่อมแสดงธรรมตามที่ได้สดับมา  ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร  ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ   เข้าใจธรรมในธรรมนั้นที่ภิกษุแสดงธรรมตามที่ได้สดับมา    ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร   เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ   เข้าใจธรรม   ย่อมเกิดปราโมทย์  ฯลฯ  เมื่อมีสุข     จิตย่อมตั้งมั่น.     นี้เป็นวิมุตตายตนะ ข้อที่ ๒.
 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  อีกประการหนึ่ง  พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง   ก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ  แม้ภิกษุก็ไม่ได้แสดงตามที่ได้สดับมา  ตามที่ที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร  ก็แก่ว่าภิกษุย่อมทำการสาธยายตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร  ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถเข้าใจธรรมนั้นตามที่ภิกษุสาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา  ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร  เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ   เข้าใจธรรม    ย่อมเกิดปราโมทย์ ฯลฯ  เมื่อมีสุข  จิตย่อมตั้งมั่น  นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่  ๓.        
 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  อีกประการหนึ่ง  พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี  ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่งก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ   ภิกษุก็ไม่ได้แสดงธรรมตามที่ได้สดับมาตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร แม้ภิกษุก็ไม่ได้ทำการสาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร  ก็แต่ว่าภิกษุย่อมตรึกตรองใคร่ครวญธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาด้วยใจ  ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ  เข้าใจธรรม  ย่อมเกิดปราโมทย์  ฯลฯ  เมื่อมีสุข  จิตย่อมตั้งมั่น  นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่  ๔.
 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  อีกประการหนึ่ง  พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง    ก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ ภิกษุ       ภิกษุก็ไม่ได้แสดงธรรมตามที่ได้สดับมาตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดารภิกษุก็ไม่ได้สาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา  ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร      แม้ภิกษุก็ไม่ได้ตรึกตรองใคร่ครวญธรรมตามที่ได้สดับมา     ตามที่ได้เล่าเรียนมาด้วยใจ   ก็แต่ว่าสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง    เธอเล่าเรียนมาด้วยดี     ทำไว้ในใจด้วยดีทรงไว้ด้วยดี   แทงตลอดด้วยดี  ด้วยปัญญา  ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ  เข้าใจธรรมนั้น   ตามที่ได้เล่าเรียนสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่งมาด้วยดี    ทำไว้ในใจด้วยดี  ทรงไว้ด้วยดี   แทงตลอดด้วยดี   ด้วยปัญญา เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ    เข้าใจธรรม    ย่อมเกิดความปราโมทย์    เมื่อเกิดปราโมทย์แล้ว    ย่อมเกิดปีติเมื่อมีใจสหรคตด้วยปีติ   กายย่อมสงบ   ผู้มีกายสงบแล้ว    ย่อมได้เสวยสุข    เมื่อมีสุข   จิตย่อมตั้งมั่น.   นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่  ๕  ดังนี้แล
 
#วิมุตตยนสูตร
 
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร 
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)
 
 

เกี่ยวกับเรา

Maya-Logo3

มูลนิธิมายา โคตมี เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อสนับสนุนเยาวชนในด้านการศึกษาและสร้างเสริมจริยธรรม และเพื่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา

Contact Us/ติดต่อเรา

มูลนิธิมายา โคตมี

3 ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7
แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ   10250

โทร. 02-368-3991, 06-1662-9077

E-mail: [email protected]

facebook : MayaGotami Foundation

www.mayagotami.net

line id : @mayagotami

 

แผนที่มูลนิธิ