ไม่ควรประมาท แนวทางเข้าใจธรรม ๕ ประการ
ดุจดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพแสดงธรรมแก่ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ภิกษุนั้นย่อมเข้าใจอรรถเข้าใจธรรมในธรรมนั้นตามที่พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพ แสดงธรรมแก่ภิกษุ, เมื่อภิกษุนั้น เข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ก็ย่อมเกิดความปราโมทย์, เมื่อเกิดความปราโมทย์แล้ว ปีติก็ย่อมเกิด, เมื่อใจสหรคตด้วยปีติ กายย่อมสงบ, ผู้มีกายสงบก็ย่อมเสวยสุข, เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น, นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่ ๑.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุเลย แต่ว่า ภิกษุย่อมแสดงธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรมในธรรมนั้นที่ภิกษุแสดงธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ย่อมเกิดปราโมทย์ ฯลฯ เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. นี้เป็นวิมุตตายตนะ ข้อที่ ๒.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง ก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ แม้ภิกษุก็ไม่ได้แสดงตามที่ได้สดับมา ตามที่ที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร ก็แก่ว่าภิกษุย่อมทำการสาธยายตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถเข้าใจธรรมนั้นตามที่ภิกษุสาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ย่อมเกิดปราโมทย์ ฯลฯ เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่ ๓.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่งก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ภิกษุก็ไม่ได้แสดงธรรมตามที่ได้สดับมาตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร แม้ภิกษุก็ไม่ได้ทำการสาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร ก็แต่ว่าภิกษุย่อมตรึกตรองใคร่ครวญธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาด้วยใจ ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ย่อมเกิดปราโมทย์ ฯลฯ เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่ ๔.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะควรแก่การเคารพรูปใดรูปหนึ่ง ก็ไม่ได้แสดงธรรมแก่ ภิกษุ ภิกษุก็ไม่ได้แสดงธรรมตามที่ได้สดับมาตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดารภิกษุก็ไม่ได้สาธยายธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร แม้ภิกษุก็ไม่ได้ตรึกตรองใคร่ครวญธรรมตามที่ได้สดับมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาด้วยใจ ก็แต่ว่าสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เธอเล่าเรียนมาด้วยดี ทำไว้ในใจด้วยดีทรงไว้ด้วยดี แทงตลอดด้วยดี ด้วยปัญญา ภิกษุย่อมเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรมนั้น ตามที่ได้เล่าเรียนสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่งมาด้วยดี ทำไว้ในใจด้วยดี ทรงไว้ด้วยดี แทงตลอดด้วยดี ด้วยปัญญา เมื่อภิกษุเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ย่อมเกิดความปราโมทย์ เมื่อเกิดปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติเมื่อมีใจสหรคตด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้ว ย่อมได้เสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. นี้เป็นวิมุตตายตนะข้อที่ ๕ ดังนี้แล
#วิมุตตยนสูตร
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)