อยากไม่พอ ไม่จบ ไม่สิ้น อดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งปฐมกัป ได้มีพระราชาพระนามว่าพระเจ้ามหาสมมตราช โอรสของพระองค์พระนามว่า โรชะ โอรสของพระเจ้าโรชะ พระนามว่า วรโรชะ โอรสของพระเจ้าวรโรชะ พระนามว่า กัลยาณะ โอรสของพระเจ้ากัลยาณะ พระนามว่าวรกัลยาณะ โอรสของพระเจ้าวรกัลยาณะ พระนามว่า อุโปสถ โอรสของพระเจ้าอุโปสถ พระนามว่า วรอุโปสถ โอรสของพระเจ้าวรอุโปสถ ได้มีพระนามว่า มันธาตุ พระเจ้ามันธาตุนั้นทรงประกอบด้วยรัตนะ ๗ และอิทธิฤทธิ์ ๔ ครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในเวลาที่พระองค์ทรงคู้พระหัตถ์ซ้ายปรบด้วยพระหัตถ์ขวาฝนรัตนะ ๗ ก็ตกลงมาประมาณเข่า ดุจเมฆฝนทิพย์ในอากาศ พระเจ้ามันธาตุได้เป็นมนุษย์อัศจรรย์เห็นปานนี้ ก็พระเจ้ามันธาตุนั้นทรงเล่นเป็นเด็กอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงครองความเป็นอุปราชอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแปดหมื่นสี่พันปี ก็พระองค์ทรงมีพระชนมายุหนึ่งอสงไขย วันนี้พระเจ้ามันธาตุนั้นไม่สามารถทำกามตัณหาให้เต็มได้ จึงทรงแสดงอาการระอาพระทัย อำมาตย์ทั้งหลายทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพพระองค์ทรงระอาเพราะเหตุไร ?
พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า เมื่อเรามองเห็นกำลังบุญของเราอยู่ ราชสมบัตินี้จักทำอะไรได้ ถามที่ไหนหนอจึงจะน่ารื่นรมย์.
อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เทวโลกน่ารื่นรมย์ พระเจ้าข้า ท้าวเธอจึงทรงพุ่งจักรรัตนะไปยังเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาพร้อมด้วยบริษัท ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ทรงถือดอกไม้และของหอมอันเป็นทิพย์ ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพกระทำการต้อนรับ นำพระเจ้ามันธาตุนั้นไปยังเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา ได้ถวายราชสมบัติในเทวโลก
เมื่อพระเจ้ามันธาตุนั้นห้อมล้อมด้วยบริษัทของพระองค์ครองราชสมบัติอยู่ในชั้นจาตุมมหาราชิกานั้น กาลเวลาล่วงไปช้านาน พระองค์ไม่สามารถทำตัณหาให้เต็มใน ชั้นจาตุมมหาราชิกานั้นได้ จึงทรงแสดงอาการเบื่อระอา ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงทูลถามว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์ทรงเบื่อระอาเพราะอะไรหนอ พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า จากเทวโลกนี้ ที่ไหนน่ารื่นรมย์กว่า ท้าวมหาราชทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ พวกข้าพระองค์เป็นบริษัทผู้คอยอุปัฏฐากผู้อื่น ขึ้นชื่อว่าเทวโลกชั้นดาวดึงส์น่ารื่นรมย์
พระเจ้ามันธาตุจึงพุ่งจักรรัตนะออกไป ห้อมล้อมด้วยบริษัทของพระองค์ บ่ายหน้าไปยังภพดาวดึงส์ ลำดับนั้น ท้าวสักกะเทวราชทรงถือดอกไม้และของหอมทิพย์ห้อมล้อมด้วยหมู่เทพ ทรงทำการต้อนรับรับพระเจ้ามันธาตุนั้น ทรงจับพระองค์ที่พระหัตถ์แล้วตรัสว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงเสด็จมาทางนี้ ในเวลาที่พระราชาอันหมู่เทพห้อมล้อมเสด็จไป ปริณายกขุนพลพาจักรแก้วลงมายังถิ่นมนุษย์พร้อมกับบริษัท เข้าไปเฉพาะยังนครของตน ๆ ท้าวสักกะทรงนำพระเจ้ามันธาตุไปยังภพดาวดึงส์ ทรงทำเทวดาให้เป็น ๒ ส่วน ทรงแบ่งเทวราชสมบัติของพระองค์กึ่งหนึ่งถวายพระเจ้ามันธาตุ ตั้งแต่นั้นมาพระราชา ๒ พระองค์ ทรงครองราชสมบัติ (ในภพดาวดึงส์นั้น)
เมื่อกาลเวลาล่วงไปด้วยประการอย่างนี้ ท้าวสักกะทรงให้พระชนมายุสิ้นไปสามโกฏิหกหมื่นปีก็จุติ ท้าวสักกะพระองค์อื่นก็มาบังเกิดแทน แม้ท้าวสักกะพระองค์นั้นก็ครองราชสมบัติในเทวโลกแล้วก็จุติไป โดยสิ้นพระชนมายุ โดยอุบายนี้ ท้าวสักกะถึง ๓๖พระองค์จุติไปแล้ว ส่วนพระเจ้ามันธาตุยังคงครองราชสมบัติในเทวโลกโดยร่างกายของมนุษย์นั่นเอง เมื่อเวลาล่วงไปด้วยประการอย่างนี้ กามตัณหาก็ยังเกิดขึ้นแก่พระองค์โดยเหลือประมาณยิ่งขึ้น พระองค์จึงทรงดำริว่า เราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติในเทวโลกกึ่งหนึ่ง เราจักฆ่าท้าวสักกะเสีย ครองราชสมบัติในเทวโลกคนเดียวเถิด ท้าวเธอไม่อาจฆ่าท้าวสักกะได้ ก็ตัณหาคือความอยากนี้เป็นมูลรากของความวิบัติ
ด้วยเหตุนั้น อายุสังขารของท้าวเธอจึงเสื่อมไป ความชราก็เบียดเบียนพระองค์ ก็ธรรมดาร่างกายมนุษย์ย่อมไม่แตกดับในเทวโลก ลำดับนั้น พระเจ้ามันธาตุนั้นจึงพลัดจากเทวโลกตกลงในพระราชอุทยาน พนักงานผู้รักษาพระราชอุทยานจึงกราบทูลความที่พระเจ้ามันธาตุนั้นเสด็จมาให้ราชตระกูลทราบ ราชตระกูลเสด็จมา พากันปูลาดที่บรรทมในพระราชอุทยานนั่นเอง
พระราชาทรงบรรทมโดยอนุฏฐานไสยาศน์ อำมาตย์ทั้งหลายทูลถามว่า ขอเดชะ ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะกล่าวว่าอย่างไร เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ พระเจ้าข้า พระเจ้ามันธาตุตรัสว่า ท่านทั้งหลาย ถึงบอกข่าวสาสน์นี้แก่มหาชนว่า พระเจ้ามันธาตุมหาราชครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมหาทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร ครองราชสมบัติในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกาตลอดกาลนานแล้วได้ครองราชสมบัติในเทวโลกตามปริมาณพระชนมายุของท้าวสักกะถึง ๓๖ องค์ ยังทำตัณหาคือความอยากให้เต็มไม่ได้เลย ได้สวรรคตไปแล้ว ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สวรรคตเสด็จไปตามยถากรรม
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วเป็นผู้ตรัสรู้ยิ่งแล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
พระจันทร์ พระอาทิตย์ ( ย่อมเวียน รอบเขาสิเนรุราช ) ส่องรัศมีสว่างไสวไปทั่ว ทิศโดยที่มีกำหนดเท่าใด สัตว์ทั้งหลายที่ อาศัยแผ่นดินอยู่ในที่มีกำหนดเท่านั้น ล้วนเป็นทาสของพระเจ้ามันธาตุราชทั้งสิ้น ความอิ่มในกามทั้งหลายย่อมไม่มี เพราะฝนคือ กหาปณะ กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก บัณฑิตย่อมรู้ชัดอย่างนี้ ภิกษุผู้ เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมไม่ถึงความยินดีในกามทั้งหลาย แม้ที่เป็นทิพย์ เป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่งตัณหา
ความบางส่วนในมันธาตุชาดก
#ขุ.ชา.๕๘/๓๗๓/๗๒
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)