นิพพานที่เห็นได้เอง

 12-Dec07-64-BDS-46

 

นิพพานที่เห็นได้เอง
(เมื่อบุคคลนั้นรู้สึกต่อความสิ้นราคะ - โทสะ - โมหะ)
 
“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  คำที่พระโคดมกล่าวว่า  ‘นิพพานที่เห็นได้เอง  นิพพานที่เห็นได้เอง’ ดังนี้. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ !  นิพพานที่เห็นได้เอง  ไม่ประกอบด้วยกาล,  เป็นสิ่งที่กล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ได้เฉพาะตน  นั้นมีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า ?  พระเจ้าข้า !”
 
  พราหมณ์ !  บุคคลผู้กำหนัดแล้ว  อันราคะครอบงำแล้ว,  มีจิตอันราคะรึงรัดแล้ว ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง  ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง,  ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.  เมื่อละราคะได้แล้ว,  เขาย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง,  และย่อมไม่เสวยเฉพาะ  ซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้.  พราหมณ์ !  นิพพานที่เห็นได้เอง  ไม่ประกอบด้วยกาลเป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน  ย่อมมีได้  แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
 
พราหมณ์ !  บุคคลผู้เกิดโทสะแล้ว,  อันโทสะครอบงำแล้ว  มีจิตอันโทสะรึงรัดแล้ว  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง,  ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.  เมื่อละโทสะได้แล้ว,  เขาย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง,  และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้. พราหมณ์ ! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล  เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล. 
 
พราหมณ์ !  บุคคลผู้มีโมหะแล้ว,  อันโมหะครอบงำแล้ว  มีจิตอันโมหะรึงรัดแล้ว  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง,  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง,  ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นบ้าง,  ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.  เมื่อละโมหะได้แล้ว,  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น  ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง,  และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปในทางจิตโดยแท้.  พราหมณ์ !  นิพพานที่เห็นได้เอง  ไม่ประกอบด้วยกาล  เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน  ย่อมมีได้  แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
 
พราหมณ์ !  เมื่อใดแล,  ผู้นี้  ย่อมเสวยเฉพาะ  ซึ่งความสิ้นไปแห่งราคะ  อันหาเศษเหลือมิได้,  ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโทสะ  อันหาเศษเหลือมิได้,  ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโมหะ  อันหาเศษเหลือมิได้ ;  พราหมณ์เอย !  เมื่อนั้น,  นิพพานที่เห็นได้เอง  ไม่ประกอบด้วยกาล  เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้  ได้เฉพาะตน  ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.
 
   - ติก. อํ. ๒๐/๒๐๒/๔๙๕.
 
ธรรมะจากพระโอษฐ์
(รวบรวมโดย พระอาจารย์พงษ์พันธ์ ฉนฺทกโร 
ที่พำนักสงฆ์สวนโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี)
 

เกี่ยวกับเรา

Maya-Logo3

มูลนิธิมายา โคตมี เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อสนับสนุนเยาวชนในด้านการศึกษาและสร้างเสริมจริยธรรม และเพื่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา

Contact Us/ติดต่อเรา

มูลนิธิมายา โคตมี

3 ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7
แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ   10250

โทร. 02-368-3991, 06-1662-9077

E-mail: [email protected]

facebook : MayaGotami Foundation

www.mayagotami.net

line id : @mayagotami

 

แผนที่มูลนิธิ