แรงบันดาลใจ การจัดอบรมปฏิบัติธรรม สำหรับผู้สูงวัย ณ มูลนิธิมายาโคตมี
          สืบเนื่องมาจากการได้เข้าร่วมเป็นจิตอาสา ก่อนหน้าที่จะเป็นผู้จัด ในราว ปี พ.ศ. 2554 ซึ่งในคราวนั้น บริษัทสยามราชธานี (โดยคุณวัชราภรณ์ ) และพี่สุกิจ-พี่วัชรี ศิรินรกุล ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ดิฉันก็ได้เข้ามาช่วยเป็นจิตอาสาอยู่เนื่องๆ ต่อมา ทางบจก.สยามราช ก็อยากจะเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง แต่ปรากฏว่า ไม่มีอาสาสมัคร ทางมูลนิธิจึงได้ประกาศหยุดกิจกรรมนี้ เมื่อปลายปี 2555
          เมื่อทางมูลนิธิได้แจ้งต่อผู้ปฏิบัติว่า ปี 2556 จะยกเลิกคอร์สไปก่อน ทำให้ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ รู้สึกเหมือนขาดที่พึ่งในการปฏิบัติธรรม หลายๆท่านได้ให้เหตุผลว่า ในกรุงเทพฯนั้นหาที่ปฏิบัติธรรมที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ เหมือนที่มูลนิธินั้นยากมาก (สถานที่สะอาด สะดวก สบาย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่สุด)
          หลายๆคนได้มาขอร้องให้ดิฉันเป็นผู้ดำเนินการต่อ ดิฉันก็คิดทบทวนอยู่ระยะหนึ่ง เพราะดิฉันไม่มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง เนื่องจากดิฉันไม่มีคนช่วยเป็นจิตอาสา จะมีแค่เพียง ดิฉันและสามี (คุณพล) เท่านั้น ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะรับผิดชอบไหวไหม? แต่เมื่อได้เห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ระคนกับคำขอร้องของผู้ปฏิบัติหลายท่าน มีบางท่านถึงกับขอสนับสนุนเกี่ยวกับค่าใฃ้จ่ายในการจัดฯ ดิฉัน จึงลองปรึกษากับพี่สุกิจ,พี่วัชรี และคุณวัชราภรณ์ (คุณเจี๊ยบ) ซึ่งดิฉันก็ได้รับการสนับสนุนจากคุณเจี๊ยบ (เจ้าของ บจก.สยามราช) เป็นอย่างดี โดยคุณเจี๊ยบได้ส่งทีมงาน (คุณเอื้อมพร และคณะ) มาดูแลเรื่องปากท้องของผู้ปฏิบัติ จวบจนทุกวันนี้
          ในปีแรกที่ดิฉัน ตกลงรับจัดคอร์ส (ปี 2556) เราจัดกันเดือนเว้นเดือน) ถือว่าเป็นการทดลองศักยภาพของผู้จัด ต่อมาเมื่อต้นปี (2557) ทางมูลนิธิขอให้จัดทุกเดือน ซึ่งดิฉันก็ตอบตกลงกับทางมูลนิธิทันที เหตุผลง่ายๆก็คือ ดิฉันมีกัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือมากมาย และผู้ปฏิบัติเองก็สามารถช่วยตัวเองได้มากขึ้น ทีมงานของเราจึงมีแค่เพียง ดิฉัน, สามี(คุณพล), พี่สุกิจ (พี่ป๊ะ), และ พี่วัชรี (พี่หมวย) เท่านั้น
          จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดิฉันจึงขอปราวณาตัวขอเป็นผู้จัดคอร์สผู้สูงวัยนี้ตลอดไปจวบเท่าที่จะมีกำลัง หรือจนกว่าทางมูลนิธิจะเลิกจัดค่ะ

สิ่งที่ได้รับ
         ความรู้ความเข้าใจ ในธรรมะ มากขึ้น ดิฉันได้มีโอกาสฟังธรรมและปฏิบัติธรรมร่วมกับผู้สูงอายุทุกครั้ง ซึ่งในแต่ละเดือน ทางมูลนิธิฯก็จะนิมนต์พระเถระ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา มาแสดงธรรมให้ผู้ปฏิบัติฟังทุกเดือนไม่ซ้ำกันตลอดทั้งปี ถือเป็นโอกาสและคุณวิเศษที่หาอะไรมาเทียบไม่ได้เลย การได้ฟังธรรมและนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใฃ้ในชีวิตประจำวันได้นั้น ดิฉันถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง และสิ่งที่ดิฉันได้รับและประทับใจที่สุดในการร่วมจัดคอร์สผู้สูงวัย ก็คือ ความสุขและความอิ่มเอมใจ เมื่อเห็นผู้ปฏิบัติทุกท่านมีความเข้าใจในธรรมชาติมากขึ้น หลายๆท่านต้องการมาปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับลมหายใจเฮือกสุดท้าย ให้ยังคงมีสติระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งได้ทันก็เรียกว่า ปฏิบัติได้ตามวัตถุประสงค์หลักแล้ว

รูปแบบ
          คอร์ส อบรมปฏิบัติธรรมสำหรับผู้สูงวัยนั้น ไม่ได้เน้นรูปแบบเป็นหลัก สิ่งที่ผู้จัดต้องการก็คือ การสนับสนุนผู้สูงวัยที่ไม่เคยผ่านการปฏิบัติธรรมมาเลย ได้เข้ามาสัมผัสกับธรรมะ แบบสบายๆ ง่ายๆ เราสมาทานศีล 5 มีการออกกำลังกายในช่วงเช้า โดยทางผู้จัดได้รับความอนุเคราะห์จาก ท่านอาจารย์ ลี่ มาเป็นผู้สอนไทเก็ง ในทุกๆเดือน ส่วนการเดินจงกรมและนั่งสมาธินั้น ก็อาจจะใช้เวลาไม่มากนัก เหตุเพราะสังขารของผู้สูงวัยอาจจะไม่ค่อยอำนวย ดังนั้นคอร์สนี้อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของบางท่านที่ต้องการความเข้มข้นของการปฏิบัติ

สิ่งที่คาดหวัง
         ดิฉันมีความปรารถนาให้ผู้สูงวัยที่ยังไม่รู้จักธรรมะ ได้เข้ามาร่วมปฏิบัติกับเราให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความสุขความสงบในบั้นปลายชีวิตของท่านเหล่านั้น
         ปัจจุบันโครงการนี้ มีผู้เข้าร่วมปฏิบัติเดือนละ 50-80 ท่าน ซึ่งในแต่ละเดือนมีสมาชิกใหม่ 10-20 ท่าน

                                                                     แสงจันทร์ อนุรักติพันธุ์